Webmaster

Webmaster

ผู้ดูแล

info@joy2china.com

  มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Beijing University) (8212 อ่าน)

19 ก.ค. 2554 11:32

ตามระบบการศึกษาของประเทศจีนนั้น การเรียนปริญญาตรีที่นี่ใช้เวลา 4 ปีเท่ากับเมืองไทย แต่ในเรื่องของรายละเอียด เช่น จำนวนหน่วยกิต วิชาที่เลือก การตัดเกรด อาจจะมีแตกต่างกันบ้าง สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเกี่ยวกับการศึกษาในประเทศจีน แนนขอนำเสนอประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับการเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (เป่ยต้า) ให้ได้ทราบกัน โดยแบ่งเป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
1. จำนวนหน่วยกิต นักศึกษาปริญญาตรีต้องเก็บหน่วยกิตโดยเฉลี่ยประมาณ 140 หน่วยกิตภายในเวลา 4 ปี โดยจำนวนหน่วยกิตอาจจะแตกต่างกันเล็กน้อยตามแต่ละคณะ แนนขอยกตัวอย่างคณะภาษาและวรรณกรรมจีน (中国语言文学系) นักศึกษาต้องเก็บหน่วยกิตทั้งหมด 140 หน่วยกิต แบ่งเป็นหน่วยกิตจากวิทยานิพนธ์ 8 หน่วย และหน่วยกิตจากวิชาเรียน 132 หน่วย สำหรับวิชาที่เรียนนั้นก็นอกจากจะต้องลงวิชาบังคับประจำเมเจอร์แล้ว ยังมีวิชาบังคับทั่วไป วิชาเลือกเฉพาะเมเจอร์ และวิชาเลือกเสรีอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งนักศึกษาทุกคนต้องวางแผนการเลือกวิชาอย่างละเอียด เพราะถ้าเก็บหน่วยกิตของวิชาหมวดใดหมวดหนึ่งได้ไม่ครบก็จะไม่สามารถจบการศึกษาได้
2. นักเรียนจีนทุกคนต้องลงเรียนวิชาการเมือง เช่น วิชาลัทธิมาร์กซิส วิชาแนวคิดของเติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งในส่วนนี้นักเรียนต่างชาติได้รับการยกเว้น แต่ก็ต้องเลือกวิชาอื่นเพิ่มเติมเพื่อทดแทนหน่วยกิตเหล่านี้
3. นักศึกษาปริญญาตรีทุกคนต้องเลือกเรียนวิชาพละศึกษา 4 ตัว ตัวละ 1 เทอม โดยนักเรียนชายบังคับเลือกมวยไทเก็ก และนักเรียนหญิงบังคับเลือก aerobic dance เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนวิชาอื่นๆ ยังมีอีกมากมาย เช่น ว่ายน้ำ เทนนิส ปิงปอง บาสเก็ตบอล เต้นรำ ปีนเขา การป้องกันตนเอง โยคะ เป็นต้น
4. วิชาบังคับอีกวิชาหนึ่งก็คือ วิชาคอมพิวเตอร์ โดยต้องลงทั้งหมด 2 ตัว ตัวแรกเป็นวิชาคอมพิวเตอร์พื้นฐาน ส่วนตัวที่ 2 เป็นวิชาคอมพิวเตอร์ระดับสูง เลือก 1 ใน 3 วิชานี้ คือ การเขียนโปรแกรมด้วย Visual Basic การออกแบบเว็บเพจ และการใช้โปรแกรม Multimedia
5. วิชาเลือกเสรี แบ่งเป็นทั้งหมด 5 หมวด คือ หมวดวิทยาศาสตร์ หมวดสังคมศาสตร์ หมวดจิตวิทยา หมวดศิลปศาสตร์และประวัติศาสตร์ และหมวดภาษาศาสตร์ นักศึกษาทุกคนต้องลงเรียนอย่างน้อยหนึ่งวิชาจากทุกหมวด ดังนั้นนักศึกษาจากคณะภาษาและวรรณกรรมจีนอาจจะต้องเลือกวิชาเกี่ยวกับการแพทย์ นักศึกษาจากคณะฟิสิกส์อาจจะต้องเลือกวิชาเกี่ยวกับศิลปะตะวันตก เหตุที่ต้องมีข้อกำหนดโดยละเอียดเช่นนี้ก็เพราะว่า มหาวิทยาลัยต้องการให้นักศึกษามีความรู้ทั้งในด้านกว้างและด้านลึก เป็นบุคคลที่มีความรู้รอบด้าน ไม่จำกัดอยู่เพียงแต่ในสาขาวิชาของตนเองเท่านั้น
6. การแบ่งคาบเรียน ในวันหนึ่งแบ่งออกเป็น 12 คาบ คาบละ 50 นาที เริ่มตั้งแต่เช้าที่สุดตอน 8 โมง ไปจนถึงคาบสุดท้ายตอน 3 ทุ่มครึ่ง ซึ่งถ้าไม่จำเป็นแล้วนักศึกษาส่วนใหญ่จะเลี่ยงการเลือกคาบที่เช้าเกินไปหรือดึกเกินไป เพราะเมื่อถึงหน้าหนาว อากาศตอนเช้าและกลางคืนอาจจะต่ำถึง -10°C ทำให้ไม่ค่อยมีคนอยากออกมาเรียนในเวลาดังกล่าวค่ะ
7. สำหรับวิชาที่มีนักศึกษาเลือกเยอะ คุณครูจะมีผู้ช่วยเป็นนักศึกษาปริญญาเอก ซึ่งเขาจะให้อีเมลหรือเบอร์ติดต่อกับเราไว้ตั้งแต่คาบแรก ถ้ามีปัญหาอะไรในการเรียนก็สามารถขอคำปรึกษาจากพวกเขาได้ เวลาส่งการบ้านก็ส่งไปที่พวกเขาค่ะ
8. บางวิชาเปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษ และเรียนรวมกับนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มาจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เช่น Yale University จะส่งนักศึกษามาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งทุกปี พร้อมกับส่งอาจารย์มาเปิดวิชาสอนด้วย
9. บางวิชามีการพาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ เช่น เมื่อตอนแนนเรียนวิชา "การดำรงของมนุษยชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม" คุณครูได้พาเราไปชมหอจัดแสดงการวางผังเมืองของกรุงปักกิ่ง และได้อธิบายให้ความรู้กับนักศึกษาไปพร้อมกับการชมด้วยค่ะ

10. การส่งการบ้าน เกือบทั้งหมดส่งทางอีเมล เนื่องจากวิชาเลือกต่างๆ นักศึกษาอาจมีมากถึง 200-300 คน ทางมหาวิทยาลัยจึงค่อนข้างสนับสนุนการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกเพื่อประหยัดทรัพยากรกระดาษค่ะ
11. การสอบ ส่วนใหญ่แล้ววิชาบังคับประจำเมเจอร์จะสอบข้อเขียนแบบ Close book ซึ่งเน้นข้อสอบอัตนัยเป็นหลัก ส่วนวิชาเลือกต่างๆ มีทั้งการสอบข้อเขียนแบบ Open Book และการส่งรายงาน
12. การให้เกรด ในปีที่แนนเข้าเรียนนั้นใช้วิธีการตัดเกรดแบบหยาบ คือ เกรด 4 เท่ากับคะแนนรวม 90 คะแนนขึ้นไป เกรด 3.7 เท่ากับ 85-89 คะแนน และลดลงมาเรื่อยๆ จนถึงเกรด 1 เท่ากับ 60-64 คะแนน ซึ่งก็แปลว่าถ้าได้ต่ำกว่า 60 คะแนนก็คือสอบตก แต่ในปีหลังๆ มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ออกกฎที่ละเอียดขึ้นในการตัดเกรด การจะได้เกรด 4 ต้องมีคะแนนรวม 99-100 คะแนนเท่านั้น ถ้าได้ 98 คะแนนก็จะได้เกรด 3.99 และลดลงมาทีละนิดตามลำดับ แต่เกณฑ์การสอบตกยังอยู่ที่ 60 คะแนนเช่นเดิม นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังมีข้อกำหนดว่า ในแต่ละวิชา นักศึกษาที่จะได้คะแนนเกิน 85 คะแนนต้องมีจำนวนไม่เกิน 30% ของนักศึกษาทั้งหมดในห้อง ทั้งนี้ก็เพื่อรับประกันความน่าเชื่อถือของคะแนนค่ะ
13. การทุจริตในการสอบถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ถ้าถูกจับได้จะโดนไล่ออกสถานเดียว ทุกปีในช่วงการสอบปลายภาคจะมีการประกาศรายชื่อนักศึกษาที่โดนลงทัณฑ์จากการทุจริตออกมาเพื่อเตือนไม่ให้นักศึกษาคนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
14. การย้ายคณะ เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก มหาวิทยาลัยให้สิทธิเสรีกับนักศึกษาในการเลือกสาขาวิชาที่จะเรียน โดยไม่จำกัดว่าทั้งสองคณะจะมีความสัมพันธ์กันมากน้อยเพียงใด เพื่อนของแนนที่ย้ายจากคณะบริหารธุรกิจมาคณะภาษาและวรรณกรรมจีนก็มีค่ะ
15. วิชาโท นักศึกษาสามารถลงเรียนวิชาโทได้ โดยวิธีการก็ไม่ยุ่งยาก แค่ไปยื่นใบร้องขอต่อสำนักงานวิชาการ และลงหน่วยกิตเพิ่มเติมตามข้อกำหนดของแต่ละคณะ อย่างเช่นเพื่อนแนนลงเรียนวิชาโทของคณะจิตวิทยา ต้องลงเรียนเพิ่มอีก 22 หน่วยกิต แต่เนื้อหาก็จะเข้มข้นเหมือนกับนักศึกษาเมเจอร์จิตวิทยาเลยค่ะ
16. ปริญญาที่สอง นักศึกษาสามารถเลือกเรียนปริญญาที่สองได้ คณะที่เปิดสอนได้แก่ คณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะเศรษฐศาสตร์ แต่โดยส่วนมากนักศึกษาต่างชาติจะไม่ค่อยเลือกเรียนปริญญาที่สองกัน เพราะวิชาเหล่านี้เรียนหนักมาก ต้องเก็บหน่วยกิตประมาณ 40 หน่วยกิตภายในเวลา 2 ปี และบางทียังต้องเรียนในวันเสาร์ อาทิตย์ หรือตอนค่ำอีกด้วย
17. เมื่อจบการศึกษา นักศึกษาจะได้รับวุฒิบัตรมา 2 ใบ ใบหนึ่งคือ ใบรับรองการเรียนจบ หมายถึงว่านักศึกษาได้ลงหน่วยกิตครบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดและสอบผ่านแล้ว อีกใบหนึ่งคือใบปริญญา ซึ่งการจะสมัครเรียนต่อปริญญาโทต้องใช้ใบปริญญาใบนี้เป็นหลักค่ะ
18. มหาวิทยาลัยที่จีนไม่มีเครื่องแบบ นักศึกษาจะใส่ชุดอะไรก็ได้มาเรียน
19. มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิด ดังนั้น เราจะเห็นคุณลุงคุณป้าที่เกษียณแล้ว หรือบุคคลภายนอกที่ฝักใฝ่ในการเรียนมานั่งฟังบรรยายกับเราเสมอๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก CRI Online

221.128.122.130

Webmaster

Webmaster

ผู้ดูแล

info@joy2china.com

ตอบกระทู้
CAPTCHA Image
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้